โรคภูมิแพ้เซ็บเดิร์ม

เซ็บเดิร์ม โรคภูมิแพ้ที่ชื่อน่ารักแต่อันตรายกว่าที่คิด

อาการของโรคภูมิแพ้เซ็บเดิร์ม

เซ็บเดิร์มเป็นโรคภูมิแพ้ชนิดหนึ่ง ซึ่งจะเกิดกับผิวหนัง ทำให้เกิดอาการผิวแห้ง แสบ แดง ลอก ส่วนมากอาการจะไม่รุนแรง โดยที่บางคนอาจจะชล่าใจคิดว่าเป็นอาการภูมิแพ้ที่ไม่รุนแรงและคิดว่าไม่มีผลกับการทำประกัน

สำหรับประสบการณ์บริการลูกค้าหลายๆเคสของแนนบอกได้เลยว่า เซ็บเดิร์มอันตรายกว่าที่คิดค่ะ และยังมีผลต่อการสมัครขอเอาประกันด้วย หากมีประวัติการตรวจรักษาเซ็บเดิร์ม แนนแนะนำให้แถลงในใบคำขอตามความเป็นจริงค่ะ บริษัทประกันอาจจะมีการขอประวัติการรักษาเพิ่มเติม และจะมีการออกข้อยกเว้นไม่คุ้มครองการรักษาโรคภูมิแพ้เซ็บเดิร์มค่ะ

ถึงเซ็บเดิร์มจะมีอาการไม่รุนแรงและไม่มีผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน แต่อย่างไรก็ตามโรคภูมิแพ้ผิวหนังหรือเซ็บเดิร์มก็ถือเป็นโรคเรื้อรัง ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ นี่จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมบริษัทประกันถึงไม่คุ้มครองการรักษาเซ็บเดิร์มสำหรับคนที่เคยมีประวัติการรักษาโรคนี้มาแล้ว

มารู้จักกับโรคเซ็บเดิร์ม

โรคเซ็บเดิร์ม (Seborrheic Dermatitis) หรือโรคผื่นแพ้ต่อมไขมัน เป็นโรคผิวหนังเรื้อรังที่พบได้บ่อย แต่ไม่มีสาเหตุการเกิดที่แน่ชัด ซึ่งโรคเซ็บเดิร์ม มักจะเกิดขึ้นบริเวณศีรษะและบริเวณที่มีต่อมไขมันเป็นจำนวนมาก อย่างใบหน้า ข้างหู จมูก คิ้ว หน้าอก แผ่นหลัง หลังหู บริเวณข้อพับของร่างกาย เป็นต้น หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง โรคอาจลุกลามไปยังบริเวณอื่น ๆ ของร่างกายได้ เช่น จากศีรษะลุกลามมายังหน้าอก

อาการของโรคภูมิแพ้เซ็บเดิร์ม
อาการเริ่มต้นของภูมิแพ้เซ็บเดิร์ม

โรคเซ็บเดิร์มมีอาการอย่างไร

1. ผิวหนังลอกเป็นขุยสีขาวหรือสีเหลือง มีอาการปวด แดงและคัน
2. ผิวหนังที่เกิดอาการจะมันเป็นแผ่นและมีสะเก็ดวง ๆ สีขาว สีเหลืองและสะเก็ดแข็งขึ้น
3. เมื่อผิวหนังตกสะเก็ดจะกลายเป็นรังแคบริเวณศีรษะ คิ้ว หรือหนวดเครา ซึ่งจะยิ่งเห็นได้ชัดตอนที่เกา เพราะสะเก็ดจะหลุดออกมามากขึ้น
4. มีอาการผมร่วง
5. เมื่อเกิดขึ้นบริเวณเปลือกตา จะส่งผลให้เปลือกตาอักเสบ

สาเหตุของโรคเซ็บเดิร์ม

ในปัจจุบันโรคเซ็บเดิร์มยังไม่มีสาเหตุที่แน่ชัด ซึ่งมีความเป็นไปได้จากปัจจัยหลาย ๆ อย่างมาประกอบกัน เช่น
1. ภูมิคุ้มกันผิดปกติหรือภูมิคุ้มกันบกพร่อง
2. เชื้อราส่วนเกินบนผิวหรือปฏิกิริยาการอักเสบของยีสต์ Malassezia ส่วนเกินบนผิวหนัง
3. ความเครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ ส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันต่ำลง ส่งผลให้ผิวเสียสมดุล และเซ็บเดิร์มสามารถส่งต่อผ่านทางพันธุกรรมได้ ถ้าหากคนในครอบครัวมีคนที่ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ โอกาสที่คนในครอบครัวจะป่วยเป็นโรคเซ็บเดิร์มมากยิ่งขึ้น

อาการของโรคภูมิแพ้เซ็บเดิร์ม
อาการผิวหนังแสบ แห้ง แดง ลอก เมื่อมีอาการภูมิแพ้เซ็บเดิร์ม

4. ระดับของฮอร์โมนในร่างกายแปรปรวน
5. ฝุ่นและมลภาวะ
6. ผิวหนังโดนสารซักฟอก สารเคมีอย่างรุนแรง
7. สภาพอากาศ เพราะสภาพอากาศที่ร้อนอาจทำให้ต่อมไขมันบริเวณใบหน้าและอื่น ๆ ผลิตไขมันออกมามากกว่าเดิม ในขณะที่อากาศหนาวจะส่งผลให้ผิวของเราแห้งยิ่งขึ้นและไปกระตุ้นให้อาการกำเริบได้เช่นกัน
8. การใช้โลชั่นที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เพราะอาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังได้
9. การใช้ยาบางชนิด เช่น ยาลิเทียม (Lithium) หรือยาคลอร์โปรมาซีน (Chlorpromazine) โดยยาสองชนิดนี้อยู่ในกลุ่มยาต้านอาการทางโรคจิตเวช (Antipsychotics) ที่มีผลข้างเคียงอย่างผิวลอก ผิวอักเสบ เป็นต้น

ยากลุ่ม Chlorpromazine สำหรับรักษาโรคภูมิแพ้เซ็บเดิร์ม
ยากลุ่ม Chlorpromazine สำหรับรักษาโรคภูมิแพ้เซ็บเดิร์ม

10. เป็นผลพวงมาจากโรคอื่น ๆ เช่น ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอลงจากการปลูกถ่ายอวัยวะ ผู้ป่วยเอชไอวี พิษสุราเรื้อรัง และมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งต่อมน้ำเหลือง เป็นต้น

ใครที่มีความเสี่ยงต่อโรคเซ็บเดิร์ม

โรคเซ็บเดิร์ม สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย แต่จะพบมากที่สุดในทารกแรกเกิดอายุต่ำกว่า 3 เดือน และผู้ใหญ่ในช่วงวัย 30 ถึง 60 ปี โดยส่วนมากจะพบได้บ่อยในเพศชายมากกว่าเพศหญิง สำหรับเด็กที่เป็นโรคเซ็บเดิร์ม จะมีอีกชื่อที่เรียกว่า ไขบนหนังศีรษะทารก (Candel Cap) โดยอาการจะหายไปเมื่อโตขึ้นก่อนอายุ 1 ปี แต่ในผู้ใหญ่ อาการจะเป็น ๆ หาย ๆ กินระยะเวลาหลายปี ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ค่ะ

ผิวหนังบริเวณจมูกลอกเป็นขุย มีอาการแสบ

ตัวอย่างข้อยกเว้นโรคเซ็บเดิร์ม

สำหรับการพิจารณาทำประกันสุขภาพ ผู้ที่มีประวัติการรักษาภูมิแพ้เซ็บเดิร์มมาก่อน หากมีอาการรุนแรงหรือบริษัทประกันอาจจะมองว่าอาการมารถส่งผลต่อร่างกายได้นั้น ในตัวกรมธรรม์ก็อาจจะมีการเสนอข้อเสนอใหม่โดยการยกเว้นการคุ้มครองโรคภูมิแพ้เซ็บเดิร์ม โดยจะมีตัวอย่างเนื้อหาที่ระบุในกรมธรรม์ดังนี้ค่ะ